รุ่นที่ 1

โดยเซอร์เฟซในรุ่นที่ 1 นั้น จะมีวางจำหน่ายสองรุ่นคือ เซอร์เฟซ สำหรับราคาถูก และ เซอร์เฟซโปร เหมาะสำหรับการทำงานแบบเต็มรูปแบบ โดยตัวเครื่องทั้งคู่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ซึ่งเซอร์เฟซโปรนั้น ใช้ซีพียูของอินเทล[1][2] และเซอร์เฟซใช้ซีพียูของ nVidia Tegra โดยทั้งคู่ มีขนาดหน้าจอเท่ากัน ที่ 10.6 นิ้ว ในรูปแบบจอกว้างไวด์สกรีน HD 16:9[3]

ผลิตภัณฑ์นี้เปิดตัวโดยซีอีโอของทางไมโครซอฟท์ สตีฟ บอลล์เมอร์ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2555 ที่เมืองลอสแอนเจลิส[4]

รุ่นที่ 2

โดยเซอร์เฟซรุ่นที่ 2 นั้น การจำหน่าย ยังคงเหมือนเดิมแต่ได้มีการอัพเกรดทั้งซีพียู หน้าจอ ขาตั้งที่สามารถปรับได้แบบ 20 องศา และ 40 องศา และความบางของตัวเครื่องที่บางลงกว่าเดิม

โดยในประเทศไทยนั้น ไม่มีการวางจำหน่าย เซอร์เฟซโปร 2

รุ่นที่ 3

โดยเซอร์เฟซรุ่นที่ 3 นั้น ได้ต่อยอดมาจากในรุ่นที่ 2 ได้มีการอัพเกรดในรูปแบบเดียวกันกับรุ่นที่ 2 เช่น ขยายหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นเป็น 12 นิ้ว และเปลี่ยนสัดส่วนเป็น 3:2 (ยกเว้น เซอร์เฟซ 3 ที่เปลี่ยนสัดส่วนเป็น 3:2 เท่านั้น) , ขาตั้งสามารถปรับได้หลาย ๆ องศา (ยกเว้น เซอร์เฟซ 3 ปรับได้แค่ 3 ระดับ) เป็นต้น สิ่งสำคัญในรุ่นที่ 3 คือ รุ่นปกติ จะเปลี่ยนซีพียูจาก Nvidia Tegra เป็น อินเทล อะตอม แทน เนื่องจากรุ่นที่แล้วที่ใช้ซีพียูของ Nvidia Tegra นั้น ไม่สามารถรันแบบแอพ Win32 ได้ (รันได้แค่ Windows RT)

โดยเซอร์เฟซรุ่นที่ 3 นั้น รุ่นโปรออกมาในเดือน มิถุนายน ปี 2014 และรุ่นปกติออกมาในเดือน มีนาคม ปี 2015

รุ่นที่ 4

เซอร์เฟซรุ่นที่ 4 นั้น ออกมาในรุ่นโปรเท่านั้น ไม่มีรุ่นปกติ โดยได้ปรับปรุงต่างๆ เช่น รองรับ Windows Hello (ใช้กล้องหน้า หรือสแกนนิ้วที่คีย์บอร์ด) , ซีพียูเร็วขึ้น ใช้หน่วยความจำแบบ SSD PCI Express แทน mSATA SSD ในรุ่นเก่า , กินไฟน้อยลงมาก เป็นต้น

คีย์บอร์ดพร้อมสแกนนิ้วที่รองรับ Windows Hello นั้น จะขึ้นอยู่กับแต่ละภูมิภาคที่วางจำหน่าย

โดยเซอร์เฟซโปรรุ่นที่ 4 นั้น ออกมาในเดือนตุลาคม ปี 2015

รุ่นปี 2017 (รุ่นที่ 5)

เซอร์เฟซรุ่นปี 2017 หรือที่เรียกสั้นๆว่า รุ่นที่ 5 ได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2017 โดยดีไซต์ยังคงเหมือนรุ่นที่ 4 แต่จะมีน้ำหนักเบาลงเล็กน้อย บนคีย์บอร์ดใช้ดีไชต์แบบเหมือนกับ Surface Laptop พร้อมทั้งนี้ ได้มีการอัพเกรดชิพซีพียูใหม่ทั้งหมดเป็น Intel Core m3 , Intel Core i5 และ Intel Core i7 เจนเนอร์เรชั่นที่ 7 โดยที่แรม ฮาร์ดดิสก์ และหน้าจอคงเดิม พร้อมรองรับ LTE Advance ในตัวแท็บเล็ตด้วย ซึ่งเป็นรุ่นแรกในไลน์เซอร์เฟซ โปร และทุกรุ่นนั้น มีการปรับปรุงระบายความร้อนแบบใหม่ โดยที่ไม่ต้องใช้พัดลมในการระบายความร้อน (ยกเว้นรุ่น i7 ที่ต้องใช้พัดลม) ปรับปรุง Kickstand ให้สามารถกางได้ถึง 165 องศา และสามารถใช้แบตเตอรี่ได้ถึง 13.5 ชั่วโมงด้วย[5]